ปฏิทินการศึกษา เช็คช่วงเปิด-ปิดมหาลัยชั้นนำไทย เข้าใจช่วงเวลาเด็กจบใหม่ HR เตรียมพร้อมก่อนรับสมัครงาน
คิดว่าเด็กมหาวิทยาลัยไหนเรียนหนังสือ “นาน” ที่สุด หรือแปลอีกอย่างว่ามีช่วงปิดเทอมสั้นที่สุด เรามักคิดเข้าข้างตัวเองไปก่อนแล้วว่ามหาลัยเรานี่แหละเรียนหนักที่สุดแล้ว เพราะตอนเรียนมันเหนื่อยมากกกก และไม่จบเทอมสักที แต่จริงๆ ดาต้านี้อาจกำลังบอกเราอยู่ว่ามหาวิทยาลัยของเราอาจจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่เปิดเทอมนานที่สุดก็ได้
DataHatch รวบรวมชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ 19 แห่ง ที่อยู่ในการจัดอันดับ Asia University Rankings 2024 โดย Times higher education นำสำรวจข้อมูลเปิด-ปิดแต่ละเทอมจากการศึกษาปฏิทินการศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัย

สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน ที่แม้ไม่ได้ติดอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้ แต่เราก็นำมาเรียงด้วยเหมือนกัน โดยใช้เส้นสีเขียวมาเป็นตัวแทน เราหยิบมาด้วยกันอีกทั้งหมด 8 มหาวิทยาลัย เช่น หัวเฉียว หอการค้าไทย ม.กรุงเทพและรังสิต เพื่อดูช่วงเปิด-ปิดของแต่ละภาคเรียน

จากการเก็บข้อมูลพบว่าการเปิดเทอมของเด็กมหาวิทยาลัยเริ่มในช่วงกลางไปทางปลายปี ทำให้เทอม 1 ที่เป็นสีเข้มอยู่ทางด้านขวาของภาพ ส่วนเทอม 2 สีอ่อนลงมาหน่อยอยู่ช่วงต้นปีทางซ้ายของภาพ ถัดมาจึงเป็นสีที่อ่อนสุดอยู่กลางๆ เลยคือช่วงซัมเมอร์
เมื่อเราจับเรียงทุกมหาลัยตามช่วงเวลาเปิดภาคเรียน ทำให้เห็นภาพรวมว่า มหาวิทยาลัยในไทยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มแรก เปิดเทอมในเดือนมิถุนายน และอีกกลุ่ม เปิดเทอมในเดือนสิงหาคม ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นว่า ปฏิทินการศึกษาไม่ได้เป็นเรื่องสากลภายในประเทศ แต่มีปัจจัยหลากหลายที่ส่งผลให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนดช่วงเวลาเปิด-ปิดภาคเรียนแตกต่างกัน

📚มหา’ลัยไทย ทำไมเปิด-ปิดไม่พร้อมกัน
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ไทยเริ่มมีการปรับปฏิทินการศึกษา มาจากความต้องการปรับตัวให้สอดคล้องกับภูมิภาคอาเซียน เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ไทยเปลี่ยนช่วงเวลาการเรียนเป็น สิงหาคม-ธันวาคม และ มกราคม-พฤษภาคม เพื่อให้เป็นการเปิด-ปิดเทอมตามประเทศอาเซียน รวมถึงสอดรับกับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ รวมถึงการไปเรียนต่อในประเทศอาเซียน อย่างไรก็ตามยังคงมีอีกหลายมหาลัย เช่น ราชภัฏ หรือมหาลัยท้องถิ่นบางแห่ง ยังคงใช้ปฏิทินแบบดั้งเดิม
การเลื่อนเปิดและปิดเทอมรูปแบบนี้ส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งการเลื่อนเวลาสำเร็จการศึกษา การฝึกงาน และการบริหารจัดการงบประมาณที่ต้องปรับตาม เพราะหลังจากที่ทปอ. ได้มีมติให้เปลี่ยนเวลาเปิดเทอมตั้งแต่ปี 2554 ก็เกิดเสียงคัดค้าน เพราะการเลื่อนเวลาอาจส่งผลให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น สภาพอากาศร้อนไม่เอื้อต่อการเรียน ค่าไฟแพงขึ้น ขาดความต่อเนื่องของการเรียนม.6 และปี 1
ภายหลังทปอ. เลยให้มหาวิทยาลัยมีสิทธิในการเปิดปิดตามเวลาที่เหมาะสมเอง ทำให้ปฏทินปีการศึกษามีความเหลื่อมไปมา ไม่ได้เปิด-ปิดเท่าๆ กันทุกมหาวิทยาลัย และความไม่เท่ากันนี่เองที่ส่งผลกระทบต่อการรับสมัครเข้าเรียนชั้นอุดมศึกษา และการรับสมัครงานของเด็กจบใหม่ กลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่ของการศึกษาไทย
💼ภาคธุรกิจ มองภาพรวมและช่วงเวลาของเด็กจบใหม่
สำหรับฝั่งธุรกิจ แม้ว่าเราจะไม่มีเวลาปิดเทอมเหมือนเด็กๆ อีกต่อไป เพราะวันที่ได้หยุดของเราคือแค่เส้นสีแดงๆ ในรูปที่เป็นวันหยุดตามราชการ แต่ปฏิทินนี้ก็ยังมีประโยชน์ การเข้าใจในช่วงเวลาเปิด-ปิดเทอมทำให้รู้ได้ว่าควรเปิดรับนักศึกษาฝึกงาน หรือรอรับเด็กจบใหม่กันช่วงไหน เช่น ปิดเทอมซัมเมอร์ คือมีนาคมถึงพฤษภาคม หรือกรกฎาคมถึงตุลาคม เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดรับนักศึกษาฝึกงาน และช่วงหลังเด็กๆ เรียนจบคือตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เป็นโอกาสสำคัญสำหรับรับสมัครเด็กจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน หลายบริษัทที่อยากได้เด็กใหม่ไฟแรงเข้ามาร่วมจอยทีมก็อาจจะต้องตามหากันช่วงนี้แหละ
อีกทริคเล็กๆ สำหรับใครที่มีประสบการณ์หรือกำลังมองหางานใหม่ แต่ไม่อยากต้องแข่งขันโดยตรงกับกลุ่มเด็กจบใหม่ ปฏิทินนี้ก็ช่วยได้ เพราะสามารถนำมากะเกณฑ์คร่าวๆ ได้ว่า เด็กจบใหม่จะเริ่มเข้าตลาดแรงงานเมื่อไร โดยเราอาจจะเล็งสมัครงานในช่วงต้นๆ ปี คือ มกราคม-กุมภาพันธ์ และชะลอการส่งใบสมัครช่วงเมษายน เพราะเด็กๆ เริ่มเรียนจบ แล้วจึงกลับมาส่งใบสมัครกันอีกครั้งช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป เพราะมหาวิทยาลัยเริ่มกลับมาเปิดเทอมแรกกันอีกครั้ง
หลังจากเช็คปฏิทินนี้เสร็จบางคนอาจดีใจเพราะพบว่ายังมีมหาลัยอื่นเรียนหนักกว่าเรา แต่หลังดีใจแล้วอย่าลืมให้ปฏิทินนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแพลนชีวิตปีนี้ให้ง่ายขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง แก๊ง First Jobber อยากเปลี่ยนงาน หรือ HR ที่อยากจะตามหาคนเข้าทำงานเพิ่มก็ตาม
DataHatch ชวนมาเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยการวางแผนอย่างมีข้อมูล ใช้จังหวะที่เหมาะสม และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสครั้งใหม่ในชีวิตไปพร้อมกัน
ที่มา: